วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

คำถามสัมภาษณ์นักเขียน

อยากฝากความน่ารักๆของนักเขียนสองคนที่เสียสละเวลามาตอบคำถามสัมภาษณ์แก่พวกเราและเป็นการให้ความรู้แก่นักเขียนคนอื่นๆด้วยเช่นกันกับคำถามสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆของ BitterSweet และ สามีแจจุง

{BitterSweet}

ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวกันสักนิดนะค่ะ
นักเขียน : สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อนนะค่ะ ชื่อ พลอยค่ะ พลอย  บุตศรา  ภัทรพรพิสุทธิ์ค่ะ เป็นเจ้าของนามปากกา BitterSweetนะค่ะ อายุ 28 ปีค่ะ ตอนนี้ทำงานอาชีพเป็นนักเขียนอิสระค่ะ
ทำไมถึงมาเขียนนิยายได้ค่ะช่วยเล่าที่มาที่ไปให้ฟังหน่อยค่ะ
นักเขียน : ทำไมถึงมาเขียนนิยายได้ก็เป็นความชอบตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ สมัยที่เรียนมัธยม มหาลัย ก็พยายามหางานประกวดงานเขียนค่ะ ก็ส่งไปเข้าร่วมประกวดด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้เขียนนิยายค่ะ ก็จะประกวดงานเขียนพวกสารคดีก่อน ก็มีงานเขียนของสารคดีของสำนักพิมพ์มติชนบ้าง สำนักพิมพ์สารคดีบ้างค่ะ ก็แข่งประกวดได้รางวัลบ้างได้รางวัลบ้าง แต่ว่ามันก็ช่วยให้เราพัฒนาทักษะทางด้านการเขียนมากขึ้น แล้วกผันตัวเองมาเขียนนิยาย นิยายที่เขียนเป็นนิยายชายรักชายเลย เพราะว่าเป็นความชอบส่วนตัวอยู่แล้วที่เราอยากอ่านหรือว่าเขียนเรื่องเกี่ยวกับความรักที่ไม่แบ่งแยกเพศกันนะค่ะ แล้วตอนนี้ก็เริ่มโพสต์ลงออนไลน์ค่ะ
นิยายที่แต่งเรื่องแรกคือเรื่องอะไร แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรค่ะ
นักเขียน : นิยายที่แต่งเรื่องแรกนะค่ะก็เป็นนิยายชายรักชายค่ะ ชื่อ ซีรีส์หวานอมขม ค่ะ ตอนนั้นโพสต์ลงเว็บไซต์ออนไลน์ ปี2555ค่ะ
อยากรู้ว่า SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง มีที่มาที่ไปอย่างไร และกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่แต่งลงในเด็กดีแรกๆ
นักเขียน : นิยาย SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง แรกเริ่มมาจากแฮชแท็กในTwitterค่ะ แฮชแท็กว่า พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งเลย ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนมิถุนายน ปี2556ค่ะ มันเป็นแฮชแท็กที่สร้างขึ้นเพื่อล้อกระแสความรุนแรงของระบบ SOTUS หรือ ระบบรับน้องค่ะ แล้วตอนนั้นมีคนแต่งเรื่องสั้นบ้าง วาดรูปล้อกันบ้างในแบบของชายรักชายและก็มีชายหญิงด้วย เราเห็นว่ามันสนุกดีน่าเอาแต่งเป็นเรื่องยาวก็เลยเขียนและโพสต์ลงบนเว็บไซต์เด็กดี จริงๆตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นนิยายที่ยาวมากขนาดนี้ แต่ปรากฏกระแสเสียงตอบรับดีมากค่ะก็เลยแต่ต่อจนกลายมาเป็นหนังสือเล่มจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
อันนี้ขอเสริมจากข้อที่แล้วที่ถามว่ากระแสตอบรับในอินเตอร์เน็ตช่วงแรกๆเป็นยังไง คือก็จะมีนักอ่านหลายคนมา comment ในเรื่องของเรานะค่ะ พูดประมาณว่านิยายที่เราเขียนมันเหมือนก็ชีวิตของเขาเลยที่เกี่ยวกับประสบการณ์การรับน้องนะค่ะ นักอ่านหลายคนก็จะมาเล่าให้ฟังนะค่ะว่าเขาโดนแบบนั้นแบบนี้เหมือนมาแชร์ข้อมูลกัน ซึ่งเราก็เอาข้อมูลตรงนั้นมาปรับใช้ในการเขียนนิยายของเราด้วยค่ะ
ตอนที่ได้รู้ว่า SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง จะถูกนำมาสร้างเป็นซีรี่ย์ ตอนนั้นในฐานะนักเขียนแล้วรู้สึกยังไงบ้าง
นักเขียน : ค่ะ ตอนที่ทางผู้จัดเฟรนโลได้ติดต่อมาว่าจะขอนำนิยาย  SOTUS ไปทำเป็นซีรีย์ ตอนนั้นบอกตรงๆว่าจริงๆแล้วกังวลมากกว่าดีใจ เพราะว่าเราห่วงเรื่องนักแสดงที่แคสมาโอเคไหม นิยายของเราจะถูกปรับเป็นบทละครได้ตรงตามสิ่งที่เรามีได้แค่ไหน แต่ว่าในเมื่อมันมีโอกาสเข้ามาเราก็ทำให้เต็มที่มากที่สุดก็ลุยเลยค่ะ ไปแคสนักแสดงด้วยตัวเอง แล้วก็มีส่วนร่วมในการเขียนบทด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ซีรีย์ออกมาประสบความสำเร็จก็เพราะความร่วมมือจากหลายๆฝ่ายนะค่ะ ทั้งทางผู้จัดเอง ทางทีมโปรดักชั่น ผู้กำกับ นักแสดงที่มีฝีมือแล้วก็ทาง gmmtv แล้วก็ทางสำนักพิมพ์นาวูด้วยนะค่ะที่คอยให้การสนับสนุนค่ะ
แรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือให้ออกมาได้แต่ละเล่มมาจากที่ไหนค่ะ
นักเขียน : แรงบันดาลใจจาการเขียนนิยายมาจากไหน จริงๆก็มาจากทุกสิ่งรอบตัวเรา อย่างพี่ว้ากแรงบันดาลใจมาจากแฮชแท็กในTwitter รวมทั้งcommentต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้วว่าได้อ่าน commentจากนักอ่านก็ได้ทำให้เราคิดพล็อตต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็จากชีวิตผู้คน จากประสบการณ์ที่ของเราที่เคยพบเจอ จากหนังสือ หนัง เพลง หลายๆอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นแรงบันดาลใจได้ค่ะ
ในฐานะที่พี่เป็นนักเขียนแนวบอยเลิฟคนหนึ่งพี่คิดอย่างไรที่ในปัจจุบันมีคนหันมาอ่านนิยายวายกันมากขึ้นค่ะ
นักเขียน : ในฐานะนักเขียนนิยาย Boyslove คิดเห็นยังไงที่ตอนนี้มีผู้คนให้การยอมรับมากขึ้น รู้สึกดีใจนะค่ะ คือตอนนี้ยุคเราก็เป็นยุคที่เปิดกว้างขึ้นค่ะ เรื่องเพศก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกีดกันเลย เพศที่สามก็เป็นคนปกติเหมือนกับเรานะค่ะ เขาสามารถมีชีวิต รักกับใคร หรือทำงานโดยที่ไม่ถูกสังคมรอบข้างกดดัน แล้วก็โอกาสที่จะเป็นซีรีย์หรือนิยายก็มีโอกาสเผยแพร่ตามหนังสือให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศทางเลือกมากขึ้นนะค่ะ
ส่วนตัวแล้วมีเทคนิคยังไงที่ช่วยให้เขียนงานออกมาได้สนุกและน่าอ่านขนาดนี้
นักเขียน : เทคนิคการเขียนนิยายก็โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่ามันเริ่มต้อนจากกรอ่าน ไม่ใช่ว่าจะอ่านแค่นิยาย อ่านทั้งสารคดี อ่านข่าว อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ต นั้นยิงง่านมากที่คุณจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอ่าน ทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกทักษะในการเห็นถึงภาษา วิธีการบอกเล่า แล้วคุณก็จะนำมาประยุกต์ดัดแปลงใช้และที่สำคัญ คือ คุณต้องเขียน เขียนให้บ่อยค่ะ การเขียนก็เหมือนกับการเล่นกีฬาค่ะ คือ ถ้าเราซ้อมบ่อย คุณฝึกมือเขียนบ่อยๆ งานเขียนก็จะออกมาข้องขึ้น ภาษาก็จะเรียบเรียงได้น่าอ่านมายิ่งขึ้นค่ะ
พี่คิดว่าข้อดีและข้อเสียของการเป็นนักเขียนคืออะไรค่ะ
นักเขียน : ข้อดีของการเป็นนักเขียน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า การเขียนหนังสือมันเป็นพื้นที่หนึ่ง มันทำให้เราได้ระบายจินตนาการแล้วก็ได้เผยแพร่มุมมองความคิดของตัวเองให้กับคนอื่นๆได้เข้าใจแล้วก็ช่วยทำให้เราได้เรียบเรียงระบบความคิดของตัวเองในแต่ละวันด้วย ส่วนข้อเสีย คือ ถ้าใครจะยึดอาชีพนักเขียนจะต้องมีวินัยในการเขียน ถ้าเกิดเขียนๆหยุดๆไปแน่นอนว่าจะไม่มีผลงานออกมา ถ้าอยากทำอาชีพนักเขียนหรือเขียนหนังสือ ควรที่จะฝึกเขียนบ่อยๆค่ะ
ตั้งแต่เป็นนักเขียนมาคิดว่าอะไรคืออุปสรรคสำคัญในการเป็นนักเขียน แล้วพี่มีวิธีจัดการยังไงถึงสามารถผ่านจุดนั้นมาได้ค่ะ
นักเขียน : อุปสรรคในการเขียนก็เหมือนกับที่พูดไปแล้วเมื่อกี้ คือการฝึกเขียนบ่อยๆแต่บางทีก็มีบางอย่างที่ทำให้เราเขียนต่อไม่ได้ เช่น ตันบ้างแหละ ไม่มีเวลาบ้างแหละ รวมทั้งความคาดหวังและความกดดันในงานของตัวเอง คือ เราพยายามที่จะเขียนงานออกมาให้ดีที่สุด เพอร์เฟคที่สุด ทุกคนอ่านแล้วต้องชอบ แต่จริงๆแล้วคนเรามีรสนิยมไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถไปกะเกณฑ์ได้ว่า คุณอ่านแล้วคุณต้องชอบงานเขา แค่คุณมีความสุขกับมัน รักมัน โดยที่มันไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องชอบ แค่คุณรู้สึก happy ตรงนี้มันน่าจะดีกับตัวคุณแล้ว
พี่รู้สึกอย่างไรบ้างค่ะที่มีคนชื่นชมผลงานของเรามากขนาดนี้
นักเขียน : รู้สึกที่มีคนมาชอบผลงานเรามากขนาดนี้ต้องบอกว่ารู้สึกขอบคุณมากๆจริงๆไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผลงานเราจะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากด้วยค่ะ ปลื้ม(หัวเราะ)และก็ภูมิใจมากด้วย เพราะว่าจริงๆแล้วก็แค่เริ่มจากการทำงานที่เรารักด้วยความทุ่มเท ด้วยความนับถือเอาใจใส่เลยได้สิ่งที่ดีดีเหล่านี้ตอบกลับมาค่ะ ต่อจากนี้ก็จะมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรักต่อไปค่ะ
ก่อนจากกันไป พี่อยากจะฝากบอกอะไรบ้างค่ะ
นักเขียน : อยากฝากถึงนักเขียนรุ่นน้องๆนะค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะเป็นนักเขียน ก็ต้องเริ่มเขียนตั้งแต่วันนี้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ต่อให้คุณคิดว่างานเขียนคุณเรายังไม่เก่งพอ แต่ของแบบนี้เราฝึกกันได้ค่ะ คุณเขียนไปเรื่อยฝีมือคุณก็จะพัฒนาขึ้นและไม่ว่านิยายนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตามแต่ แต่เราเชื่อว่าคุณมีสิ่งหนึ่งที่คุณภาคภูมิใจที่คุณได้ทำในสิ่งที่คุณรักจริงๆค่ะ พยายามต่อไปนะค่ะ สู้ต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณพี่พลอยมากนะคะที่ยอมสละเวลามานั่งให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ


{สามีแจจุง}
สวัสดีค่ะ พี่ชื่อน้ำค้างนะคะ อายุ 25 ปี ใช้นามปากกาในการเขียนนิยายคือ Sameejaejung (สามีแจจุง) ค่ะ
คำถาม :เข้าสู่วงการนักเขียนได้อย่างไรและเข้ามากี่ปีแล้วคะ
พี่เป็นคนชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาตั้งแต่แระถมแล้ว พออ่านมากๆก็เลยมีแนวคิดมีพล็อตอยู่ในหัวเยอะแยะเลย ส่วนเริ่มเข้าสู่วงการกี่ปีแล้ว...ถ้านับตั้งแต่เขียนนิยายเรื่องแรกก็ 10 ปีได้แล้วค่ะ เขียนตอนม.3มั้งถ้าจำไม่ผิด (ตอนนี้อายุ 25 ย่าง 26 แล้วค่ะ) แต่ก็เขียนแบบขำๆไม่ได้จริงจัง พอจบเรื่องแล้วก็ไม่ได้เขียนอะไรต่อ มาเขียนแบบจริงจังเลยก็คือประมาณ2ปีที่แล้ว และก็คงเขียนไปยาวๆเลย หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะคะ (หัวเราะ)
คำถาม :งานเขียนย่อมต้องมีอุปสรรคอยู่เสมอไม่ทราบว่ามีอะไรเป็นอุปสรรคในการเขียนของพี่บ้าง
อุปสรรคนี่มีเยอะมากกกก แต่ถ้ามากที่สุดเลยก็คืองานประจำของพี่นี่แหละค่ะ เพราะบางทีต้องทำงานล่วงเวลาหรือออกไปทำงานนอกสถานที่ เลยไม่ค่อยมีเวลาเขียนนิยายสักเท่าไหร่ แต่นักอ่านก็น่ารักนะคะ เพราะถึงพี่จะอัพนิยายช้าและไม่บ่อยเหมือนนักเขียนคนอื่นก็เข้าใจพี่
คำถาม:แรงบัลดาลในใจการเขียนงานหรือการมาเป็นนักเขียนคืออะไรคะ
อืม...มีเยอะเลย (หัวเราะ) แต่ถ้าเอาประเด็นสำคัญเลยก็คือ อย่างที่พี่เคยบอกไปว่าพี่ชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะงั้นพี่เลยมีความฝันว่าอยากมีหนังสือนิยายที่มาจากการเขียนของเราสักเรื่อง ส่วนแรงบันดาลใจในแต่ละเรื่องก็มาจากการพบเจอกับตัวเองบ้าง คนอื่นเล่าให้ฟังบ้าง หรือฝันเห็นบ้าง ซึ่งอันหลังนี่บ่อยเลยนะ แต่ว่าตื่นมาจะชอบลืม (หัวเราะ)
คำถาม:ส่วนไหนของการเขียนที่พี่คิดว่าเขียนยากที่สุด
บทที่ต้องบรรยายเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกค่ะ เช่นรัก เศร้า โกรธ เกลียด โมโห หรืออะไรพวกนี้ เพราะว่าพี่ต้องพยายามบิ้วอารมณ์ให้นักอ่านอินไปกับเรื่องราวและความรู้ตัวละครให้ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คำถาม:ทำไมถึงเลือกแต่งนิยาย Boylove แทนที่จะเป็นนิยายชายหญิงคะ
อยากจะบอกว่าพี่ไม่มีอินกับอะไรที่เป็นชายหญิงมานานมากกกกแล้วอะค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงป.5-6มั้งคะที่ซื้อการ์ตูนผิดไปหยิบ boy love  (bl) มา หลังจากนั้นก็อ่านแต่ bl ตลอดเลย ยิ่งช่วงที่ k-pop บูมๆนะ อื้อหืออออ จิ้นกันหนักมาก และจะเกลียดมากถ้าหากว่ามีผู้หญิงเข้ามายุ่ง เพราะงั้นพี่เลยเขียนชายหญิงไม่ได้ ชายชายนี่แหละค่ะสไตล์ที่ใช่เลย
คำถาม:การเป็นนักเขียนมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง
ข้อดี มันช่วยสนองนี้ดของพี่เอง (หัวเราะ) คือเรื่องที่พี่เขียนเนี่ยจะเป็นรักกวนๆ เกรียนๆ เฮฮา ซึ่งมันเป็นสไตล์ที่พี่ชอบ เขียนไปแล้วมีความสุขเพราะมันไม่เครียด แล้วโมเมนท์หวานๆกวนๆในเรื่องเนี่ยมันก็เป็นสิ่งที่พี่อยากเจอ แต่ในชีวิตมันไม่มีไง เพราะงั้นนิยายนี่แหละค่ะที่ช่วยสนองนี้ดพี่ได้
ข้อเสีย อืม...น่าจะเป็นการนอนมั้งคะ (หัวเราะ) อย่างที่บอกไปว่าพี่มีงานประจำทำ งานเขียนคืองานรอง เพราะงั้นเวลาเขียนเลยไปกินเวลานอนเกือบหมด เฉลี่ยแล้วพี่ได้นอนแค่คืนละ 4 ชั่วโมงเองมั้งคะ ค่อยไปนอนเต็มๆเสาร์อาทิตย์เอา ซึ่งมันเสียสุขภาพมาก แต่ว่าพี่ก็รักการเขียนนี่เนอะ เพราะงั้นพี่ก็แฮปปี้จ้า
คำถาม:การจะเป็นนักเขียนที่ดีต้องทำอย่างไรบ้างคะ
1.ไม่ดองนิยาย เพราะถึงแม้ว่าเรื่องที่เขียนจะดังหรือไม่ดัง แต่ถ้ามีคนอ่านแม้จะแค่1คนก็ตาม นักเขียนที่ดีต้องไม่ทรยศ/หักหลักคนที่ชื่นชอบนิยายโดยการดองหรือ ...
2.อีโก้ต้องไม่มี อันนี้พี่เห็นนักอ่านหลายคนบ่นกันเยอะเลยว่าพอเริ่มดังนักเขียนก็เปลี่ยนไป หยิ่งบ้าง เยอะบ้าง ไม่สนใจนักอ่านบ้าง แบบนี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักเลย วันแรกเป็นยังไงปัจจุบันก็ต่องเป็นอย่างนั้น ไม่ควรเหลิงกับชื่อเสียงหรือคำยกยอปอปั้น ต้องพัฒนาตัวเองและรับฟังคำติเตียนจากนักอ่านด้วย
คำถาม:พี่มีอะไรอยากแนะนำให้คนที่ตั้งใจอยากเป็นนักเขียนแบบพี่หรือเปล่าคะ
พี่เชื่อว่าน้องๆหลายคนคงมีความฝันอยากเป็นนักเขียนนิยาย หรือว่าอยากมีหนังสือที่เราเป็นคนเขียนสักเล่มอยู่แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้การพิมพ์หนังสือเองเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ ถึงไม่ออกกับสำนักพิมพ์แต่ก็สามารถติดต่อโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์เองได้ เพราะงั้นถ้ามีความฝันก็จงอย่าทิ้งแล้วทำตามฝันให้ได้ อย่าให้พอเวลาผ่านไปแล้วต้องมานึกเสียดายทีหลัง เชื่อเถอะค่ะว่าตอนที่เห็นนิยายของตัวเองออกมาเป็นรูปเล่มครั้งแรก น้องๆต้องดีใจแล้วก็ภูมิใจมากแน่ๆค่ะ






ก็ต้องขอบคุณๆพี่ๆทั้งสองคนที่น่ารัก(มาก)ที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาตอบคำถามให้ทั้งเราทั้งๆที่ไม่ว่าง ขอบคุณมากค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น